ตำนาน "เบ็ญจะมะมหาราช"
( กาพย์ฉบัง ๑๖ )
๐ คือตำนานโรงเรียนเก่า " เบ็ญฯ " ของพวกเรา
เลือดเขียว-แดงผู้องอาจ
๐ " เบ็ญจะมะมหาราช " ปิยะจอมปราชญ์
จุลจอมเกล้าฯ ธ บัญชา
๐ พระราชทานทรัพย์มา สิบชั่งเงินตรา
เกื้อหนุนการเรียนการสอน
๐ " สองสี่สี่ศูนย์ " สร้างก่อน ประดับนคร
" อุบลวิทยาคม "
๐ " สองสี่ห้าแปด " เหมาะสม ย้ายมาเพาะบ่ม
ณ ทุ่งศรีเมืองไพศาล
๐ " เจ้าฟ้าจักรพงษ์ฯ " ภูบาล พระทรงประทาน
ตั้งชื่อเป็นนามมงคล
๐ " โรงเรียนตัวอย่าง ยินยล ประจำมณฑล
อุบลราชธานี
๐ เบ็ญจะมะมหาราช " นี้ ถวายองค์ภูมี
พระพุทธเจ้าหลวง-บิดา
๐ จึ่ง " ยี่สิบแปดกันยา วันสถาปนา
โรงเรียน " แห่งนี้นานเนา
๐ " สองสี่เจ็ดแปด " นั้นเล่า อาคารไม้-เงา
วาววับประดับมุมเมือง
๐ ไม้เนื้อแข็งมลังเมลือง ทิพย์ทองทาบเนื่อง
ไข่ไก่เหลืองนวลสีสวย
๐ น้ำตาลคาดกรอบคิ้วด้วย แดงคล้ำรื่นรวย
ไม้สักหน้าต่างประตู
๐ สามหลังสองชั้นงามหรู ตระหง่านเชิดชู
ยี่สิบห้องเรียนอาคาร
๐ " พระสาโรจน์รัตนนิมมาน " ช่างผู้เชี่ยวชาญ
สถาปนิกกระทรวงศึกษาฯ
๐ ผ่านกาล..แปลงเปลี่ยนสีฟ้า- อมเทาสง่า
จวบจนคร่ำคร่าลายไม้
๐ " สองห้าหนึ่งหก " ย้ายไป ท่าวังหินใหม่
ตราบจนวันนี้มีมา
๐ " สองห้าสี่ห้า " นั้นหนา "กรมศิลปา-
กร" ยกเป็นโบราณสถาน
๐ วันนี้คือทิพย์พิมาน งามเด่นอาคาร
" พิพิธภัณฑ์เมืองอุบลฯ "
๐ เกริกเกียรติเป็นศรียามยล ทรงค่างามล้น
ผู้คนเล่าขานตำนาน
๐ คืนกลับยัง " สีเก่า " กาล เบ็ญ ' แบบโบราณ
คู่บ้านคู่ " เมืองดอกบัว " .
ที่มา : เขียนพรรณนาเมื่อครั้งไปเยือนอาคารเก่าโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานีหลายครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๗ - พ.ศ. ๒๕๕๐ และล่าสุด พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง
กระทั่งปัจจุบันที่กำลังจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เมืองอุบลฯ นับเป็นการอนุรักษ์อาคารไม้เก่าแก่ที่ควรค่าแก่การภาคภูมิใจ