"วันแม่"
มิใช่สักเพียงป่าวร้องให้ก้องโลก
มิใช่สักเขียนโศลกลำนำหวาน
มิใช่สักแสดงกิจชั่ววันวาร
มิใช่สักเพียงเล่าขานจารคำคม
แท้พระคุณแม่ไซร้ยิ่งใหญ่นัก
ยากที่จักหาใดเทียบเปรียบเหมาะสม
หนึ่งหยดทิพย์เสน่หาค่าน้ำนม
ได้เพาะบ่มเป็นเลือดเนื้อเพื่อลูกยา
อีกหยาดเหงื่อที่ไหลหยดรดร่างแกร่ง
คือเรี่ยวแรงที่แข็งกร้าวเฝ้ารักษา
จะกินนอนตื่นหลับเต็มอัตตา
มิเคยล้าด้วยแรงรักสลักฤดี
เมื่อเติบใหญ่เป็นคนเข้มเต็มความคิด
ได้สัมฤทธิ์งานการเด่นเป็นศักดิ์ศรี
หันกลับมองผู้อยู่หลังบ้างสักที
คิดถ้วนถี่มีไหมเจ้า?...เฝ้าแทนคุณ
ฤาเป็นเพียงหญิงชราค่าน้อยนิด
เฝ้าตะขิดตะขวงใจให้หันหุน
กล่าวคำใดต้องตอกย้ำซ้ำเจือจุน
ป่วยเนื่องหนุนลุ้นจนหน่ายคอยจ่ายยา
น้ำตาแม่ไหลท่วมทบลงกลบโลก
ย้ำรอยโศกโศลกแจ้งแดงเดือดหล้า
กระนั้นแม่...ยังยิ้มรับซับน้ำตา
มินำพากล่าวคำใดให้ลูกชัง....
วันแม่.... แน่แท้คือความขลัง?
หรือมีไว้เพื่อความดัง? หรือตวงชั่งรั้งจิตใคร?
ที่แท้คือ"สำนึก" ที่ซึมลึกเหนือสิ่งไหน
เทิดคุณแม่ยิ่งสิ่งใด เพราะแม่ไซร้"ให้ชีวิต"
ที่มา : เขียนประกอบการจัดนิทรรศการ วันแม่แห่งชาติ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๓๔ ณ ห้องสมุดโรงเรียนเทพลีลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น